( Beautiful   Sunday  : วันอาทิตย์ที่  02 กันยายน  2561 )) 

 

สิ้นสุดการรอคอย…คอยที่พวกเราจะเดินทางรอนแรม ไปจนครบทั้ง 26 อำเภอ หลายคน ไชโย..ว่าทำได้..หลายคนบอกจบซะที… หลายคนใจหาย ด้วยว่าเคยออกจากบ้านไปเที่ยวด้วยกันทุกวันหยุด ในรอบเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมา

 

งานเลี้ยงย่อม มีวันเลิกลา เมื่อกาลเวลาเดินมาประชิดตัว ก็ต้องกล่าวอำลา เหลือไว้แต่ความทรงจำ ภาพเก่าๆ ที่แสนประทับใจ อดีตมีไว้ให้จดจำ อนาคตเป็นเรื่องที่ทุกคนย่อมเดินทางไปให้ได้ตามหวัง

 

น้อยที่สุดของ 1 Day Trip in KKC คือ การที่สมาชิกร่วมคณะ ได้ค้นพบเส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชน และอาจนำไปสู่เส้นทางของการท่องเที่ยวในชุมชนอย่างยั่งยืนได้

 

หลายท่าน อาจเคยไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ เรื่องการท่องเที่ยวชุมชน มาแล้วในหลายประเทศ และอาจแอบนิยม ชมอยู่เพียงในใจ มาคราวนี้ ลองนำมาใช้ในบ้านเราบ้าง เป็นไรมี แต่อาจต้องปรับให้สอดคล้องกับบริบทของวิถีไทย เท่านั้นเอง ใช่ไหม…….

 

เมื่อพูดถึงตัวเมืองนครขอนแก่น โดยรอบๆ อำเภอเมือง  มีอีกหลายจุดที่น่าสนใจ  แนะนำกันไว้ จะไปเที่ยวกันเอง หรือพามิตรสหายไปเที่ยว ก็คุ้มเวลา  ลองตามกัน นะคะ…………….

 

ล้อหมุน ออกเดินทาง จากตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น มุ่งหน้า ไปรอบๆ อำเภอเมือง แค่นี้เอง  รัศมี ระยะทาง ราว ไม่เกิน 20 กิโลเมตร  

 

จุดแรก นัดรวมพลกัน ที่ภายในบริเวณ วัดสายราษฏร์บำรุง ช้อปปิ้งชิมลาง จากนั้น นั่งรถสามล้อพ่วงข้าง ลุย..ลุย…แต๊ก…แต๊ก เลาะเลียบ รับสายลมเย็นๆ สดชื่น กับอากาศ ริมหนองน้ำ  กว้างสุดสายตา กว่า 6,500 ไร่ แหล่งท่องเที่ยวจุดใหม่ ใกล้เมือง หาดโนนจาน  “แก่งน้ำต้อน” ตำบลดอนช้าง ขณะนี้กำลังปรับพื้นที่ คาดว่าจะเป็นจุดพักผ่อนท่องเที่ยว ในอีกไม่ช้านี้

 

 

 

เยี่ยมชมโบราณสถาน “กู่แก้ว” สันนิฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยวรมันที่ 7  มีความเชื่อและศรัทธาของชุมชน  สืบทอดกันมา แฟนคลับแนวโบราณสถาน มาร์คจุดกันไว้ได้เลย

 

 เข้าเยี่ยมชม “วัดไชยศรี” ตำบลสาวะถี  “สิมอีสานโบราณ” เก่าแก่ อายุมากกว่า 100 ปี และ มีฮูปแต้ม (จิตรกรรมฝาผนัง) ที่เล่าเรื่องราว ของ “สังข์สินไซย” และ “สีโห”  ที่ปรากฏบนเสาไฟฟ้า บริเวณถนนมะลิวัลย์  เรียงราย น่าสนใจเรื่องราว ที่ร้อยเรียง ให้คนรุ่นใหม่ศึกษา ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันๆคำ ฮูปแต้มนี้ก็เช่นกัน เป็นการสะท้อนวิถีชีวิตของคนในยุคนั้น ว่าด้วยเรื่องราว ความเชื่อ ศรัทธา ทางพุทธศาสนา กรรมดี กรรมชั่ว สอนให้เป็นคนดี กำหราบคนคิดร้าย สวรรค์ นรก เชื่อว่าศรัทธาเหล่านี้ ยังคงเป็นอมตะของโลกมนุษย์ ผิดแต่ว่ามนุษย์จะยับยั้งกิเลส ได้มากน้อย เพียงใด

 

…….. รับประทานอาหารกลางวัน แบบบ้านๆ ชานเมือง  อร่อย และชมการแสดงของเด็กๆ ที่นำ นิทานปรำปราพื้นบ้านของพวกเขา “สังข์สินไซย”   หยิบออกมาเป็นตัวละครที่มีชีวิต …………

 

หลังมื้อกลางวัน แดดร่ม ลมยังไม่เย็นนัก สมาชิกกระโดดขึ้นรถสองแถว เป็นเด็กแนวกันอีกครั้ง เพื่อไป เยี่ยมชมสวนเกษตร “อาจารย์สัญญา” บนความตั้งใจของงานการเกษตรอินทรีย์ สวนผสม เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ลงมือทำงานการเกษตรกันเองหลังเกษียณชีวิตราชการ ไม่มีลูกจ้าง มีแรงเท่าใด ก็ทำเท่านั้น ปลูกฝรั่ง แก้วมังกร พืชสมุนไพร เปิดไว้ให้ท่านที่สนใจ ไปศึกษาดูงานกันได้ และอาจเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับอีกหลายๆคนที่กำลังจะเกษียณ ได้ลองใช้กับตัวเอง อย่างสมยุค สังคม สว.-สูงวัย ได้บ้าง

 

จุดสุดท้ายของการปิดทริป พวกเราไปทำความรู้จัก “ศิลาโฮมสเตย์”  แหล่งท่องเที่ยวอิงชายสายน้ำพอง สัมผัสการรวมตัวกันของชุมชนที่เข้มแข็ง พวกเขาอาสาดูแลนักท่องเที่ยว ให้มาสัมผัสถิ่นท้องถิ่น ภูมิลำเนาของพวกเขา ด้วยความภาคภูมิใจ ตามที่อยู่ ที่เป็น

 

 

เรามีงานเลี้ยงเล็กๆ กับสมาชิกในทริปสุดท้ายนี้ ราว 280 คน เพื่ออำลา  ขอขอบคุณ อาหารอร่อยจากน้ำใจของพี่ๆ หลายท่าน ที่นำมาให้ชิมกันแบบไม่อั้น จนกว่าข้าวของจะหมดกันไปข้างหนึ่งเชียวล่ะ

 

 

มีการแสดง ชุดน่าตื่นเต้น จากท่านนายอำเภอเมือง ที่จัดสรรมาเพื่อสร้างความสนุกสนาน และการแสดงของสมาชิกร่วมคณะ มิตรภาพเกิดขึ้นได้กับคนต่างวัย ที่มีกิจกรรมร่วมกัน เพลงสุดท้าย ที่ตราตรึงในความทรงจำ คือ “คำสัญญา” 

 

 

  20.00 น. ล้อหมุน เคลื่อนคณะออกจาก “ศิลาโฮมสเตย์”   กลับเข้าตัวเมือง ถึงหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยสวัสดิภาพ ขอบคุณทุกองค์กร หน่วยงานที่มีส่วนช่วยสนับสนุน จนเกิดปรากฏการณ์ใหม่ ยุคไทยแลนด์ 4.0 ผนวกกับ “ขอนแก่นโมเดล” ที่ยังไม่มีใครลบสถิติ เรื่องการขับเคลื่อนเปลี่ยนเมืองได้ นครขอนแก่น ย่อมไม่ธรรมดา อย่างที่เห็นๆ อย่างที่รู้ๆกัน….

 

“น้องดอกคูณ” จึงขอจบซี่รี่ย์ การท่องเที่ยววิถีชุมชน ด้วยสโลแกนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ย้ำว่าเมืองไทย น่าอยู่ น่าเที่ยว ไม่เพียงคำพูดผิวๆแต่วันนี้พวกเราลงมือทำ และทำได้แล้ว……