ขอนแก่น สรุปภารกิจล่าหมี 10 ก.ย. ยังจับไม่ได้ - เสริมกรงดักหมีควายเป็น 7 จุด (มีคลิป)   


10 กันยายน 63 22:32:27

เจ้าหน้าที่ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่8(ขอนแก่น) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เสริมกรงดักหมีควายใส่ขนุน น้ำหวาน และน้ำผึ้ง เพิ่มเป็น 7 กรง วางประจำจุดรอบป่าชุมชนเนื้อที่หลายร้อยไร่แบ่งโซนออกเป็น 7 จุด ปิดท้ายภารกิจตามจับเป็นหมีควายในวันนี้ พร้อมเตรียมส่งโดรนตรวจจับความร้อนขึ้นบินค้นหาตั้งแต่เช้ามืด

     ความคืบหน้าการติดตามจับเป็นหมีควายในพื้นที่บ้านป่าชุมชนผาสวรรค์ รอยต่อ อ.สีชมพู และ อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ตลอดทั้งวันยังคงไม่สามารถติดตามจับตัวได้ พบเพียงร่องรอยการหลับนอนของหมีภายในป่า และกองมูลหมีใกล้ๆที่หลับนอน โดยทางเจ้าหน้าที่ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่8(ขอนแก่น) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ร่วม 300 นาย ได้กระจายกำลังแบ่งชุดค้นหาและกั้นพื้นที่ออกเป็น 8 ทีม ปูพรหมกระชับพื้นที่จุดประทัดตามจับเป็นด้วยการยิงยาสลบ รวมทั้งนำโดรนตรวจจับความร้อนขึ้นบินค้นหาตลอดทั้งวัน ซึ่งผลการปฏิบัติภารกิจตลอดทั้งวันยังคงไม่ประสบผลสำเร็จ

     ล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 ก.ย.2563 ภายหลังจากมีการประชุมสรุปผลการปฏิบัติภารกิจได้มีการนำกรงดักหมีควายขนาดใหญ่ มาเพิ่มอีกเป็นทั้งหมดรวม 7 กรง เพื่อนำอาหารใส่ไว้ในกรงให้หมีควายที่หลบหนีและอดอาหารได้ออกมาหากินและถูกจับอยู่ภายใน โดยนายอภิเดช หมื่นน้อย หัวหน้าอุทยานแหง่ชาติน้ำพอง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการตามจับหมีควาย ได้นำกรงดักสัตว์ไปติดตั้งยังพื้นที่ทิศตะวันตกของป่าชุมชนผาสวรรค์ที่คาดว่าหมีควายยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ป่าแห่งนี้ พร้อมทั้งนำน้ำผึ้งไปเติมใส่กรงเก่าที่ตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้เมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งในพื้นที่นั้นเป็นป่าอ้อยตลอดทั้งแนวรอบป่า โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำกรงดักสัตว์ป่าใส่อาหารที่ส่งกลิ่นเพื่อดักจับหมี ทั้งขนุนผ่าครึ่งซีก น้ำผึ้งและน้ำหวานทาเชือกกับดัก พร้อมทั้งได้มีการทดสอบกรงเพื่อความมั่นใจว่าหากหมีเข้ามาในกรงและดึงอาหารไปกินจะถูกขังอยู่ภายในกรง

     ซึ่งจากการสอบถามนายอภิเดช หมื่นน้อย หัวหน้าอุทยานแหง่ชาติน้ำพอง ซึ่งลงพื้นที่นำกรงดักหมีควายมาติดตั้งในจุดนี้ทราบว่า กรงดักสัตว์ป่านี้กระบวนการทำงานหากหมีควายเข้ามาภายในกรงเพื่อหาอาหารกิน ซึ่งอาหารที่นำมาใส่ในกรงเพื่อล่อหมีควายนั้นเป็นขนุนที่จะส่งกลิ่นแรง รวมทั้งน้ำผึ้ง และน้ำหวาน มาทาที่เชือกกับดัก โดยตามนิสัยของหมีควายนั้น เมื่อได้กลิ่นอาหารจะเข้ามาค้นและหากพบอาหารจะไม่กินอยู่กับที่แต่นะจำกลับไปที่ที่ตัวเองรู้สึกว่าปลอดภัย โดยจังหวะที่หมีดึงอาหารไปประตูกรงก็จะทำงานปิดทันที ทำให้หมีไม่สามารถเปิดออกได้เนื่องจากกรงนี้จะมีระบบล็อคอัตโนมัติ เพราะหมีบางตัวฉลาดสามารถงัดกรงขึ้นได้เอง และทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการเข้าตรวจสอบกรงในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้พร้อมกันทั้ง 7 กรง

     พร้อมกันนี้ โดรนตรวจจับความร้อนก็จะออกปฏิบัติภารกิจในช่วงเช้ามืดประมาณ 05.00 น. ของวันต่อไป โดยการทำงานของโดรนนั้นจะมีการตรวจจับความร้อนในพื้นที่ที่บินสำรวจซึ่งในเวลากลางคืนนั้นจะมีประสิทธิภาพเต็มที่เนื่องจากเวลากลางวันมีความร้อนของแสงแดดส่องลงพื้นผิวทำให้คลาดเคลื่อนลำบากในการปฏิบัติงาน แต่ในช่วงกลางคืนจะสามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์เน้นย้ำชาวบ้านในพื้นที่อีกครั้งห้ามออกจากเคหะสถานในช่วงกลางคืนเป็นอันขาดเนื่องจากเป็นเวลาหากินของหมีควาย และหากออกมาเผชิญหมีก็ให้รีบวิ่งหนีทันที และทฤษฏีการแกล้งตายนั้นไม่สามารถใช้ได้

     ทั้งนี้เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา นายอนันต์ ปิ่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่8(ขอนแก่น) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการจับหมีควาย ได้เรียกกำลังกลับที่ตั้ง เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานในช่วงเช้า มีการประชุมสรุปประมาณ 1 ชม.จึงปล่อยชุดปฏิบัติการและชุดสัตว์แพทย์ยิงยาสลบจำนวน 8 ชุด ประมาณ 300 คน ลงพื้นที่ เข้าในป่าลึกทึบ ซึ่งอยู่กลางป่าชุมชนผาสวรรค์เขตติดต่อ 2 อำเภอ เพื่อหาตัวหมีให้พบ เนื่องจากจุดดังกล่าว โดรนจับความร้อน และโดรนซูมเข้าไม่ถึง จึงต้องใช้กำลังคนเดินเท้าเรียงหน้ากระดานเข้าไปที่ป่าทึบ ระยะทางกว่า 10 กม. นอกจากนี้ยังได้มอบประทัดให้หัวหน้าชุดทั้ง 8 ชุด ในการใช้จุดเพื่อส่งเสียงดังให้หมีตกใจออกจากที่หลบซ่อนตัว หลังจากนั้น ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำร้ายของหมี จำนวน 3 ราย คือนางสาวสุภาภรณ์ จันวัน อายุ 20 ปี สาวท้องแก่ใกล้คลอด ที่บ้านเลขที่ 411ม.1 บ้านโคกป่ากุง ต.สีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น และเยี่ยมหญิงสาวคนที่ถูกหมีกัดที่ขา รวมถึงเยี่ยมกำนันตำบลบริบูรณ์ด้วย

     นายอนันต์ ปิ่นน้อย   ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการจับหมีควาย กล่าวถึงการจับหมีควายว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ออกเดินเท้า และใช้โดรนบินสำรวจตรวจตราในพื้นที่ป่าชุมชนแล้วพบจุดน่าสงสัยว่าจะเป็นที่หลบซ่อนของหมีหรือไม่ ในกลางป่าลึกและทึบ จึงได้จัดกำลังคนเดินเท้าให้แน่นหนาพร้อมทีมยิงยาสลบ เดินเท้าเข้าไปในจุดดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มีใครกล้าเข้าไป โดยกระจายกำลังกันออกเป็น 4 ทิศ เมื่อเข้าไปถึงจุดให้จุดประทัดส่งเสียง ขับไล่หมีออกจากที่ซ่อนตัว  เป็นการกระชับพื้นที่ให้เล็กลง ส่วนจะจับได้สำเร็จหรือไม่ ยังให้คำตอบไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานก็ต้องปลอดภัยทุกคนด้วย และถ้าวันนี้ไม่สำเร็จก็ต้องขอกำลังเสริมและขอให้ทางกรมฯส่งกำลังเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมนำกรงใส่อาหารล่อหมีให้เข้ากรงจำนวน 7 กรง วางตามจุดต่างๆ เพราะหมีหลบหนีอดอาหารมาหลายวันอาจจะสามารถจับหมีในช่วงค่ำนี้ได้ พร้อมทั้งส่งโดรนตรวจจับความร้อนค้นหาตอนกลางคืนเพราะในช่วงเช้าตรู่และกลางคืนจะได้ประสิทธิภาพดีที่สุด และขอยืนยันว่า ยังไม่มีร่องรอยการออกนอกพื้นที่ของหมีแต่อย่างใด เพราะเจอมูลและร่องรอยการนอนของหมีในพื้นที่ใกล้ป่าทึบ  ส่วนการลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจคนเจ็บจากหมีตัวดังกล่าวนั้น จะเยี่ยมให้ครบทุกคน เพื่อให้กำลังใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องให้กำลังใจและกัน

     นางสาวสุภาภรณ์ จันวัน อายุ 20 ปี สาวท้องแก่ใกล้คลอด กล่าวว่า ตั้งครรภ์ลูกคนแรก อัตราซาวแล้วเป็นเพศหญิง อายุ ครรภ์ 8 เดือนกว่า ใกล้คลอดในช่วงสิ้นเดือนกันยายนนี้  ในวันเกิดเหตุ ทราบข่าวลือว่ามีหมีออกมาหากินในไร่อ้อย ไม่ได้มามุงดูการตามจับหมี แต่ออกมาซื้อไอศกรีมกิน ขณะยืนกินไอศกรีม หมีวิ่งข้ามถนนมากัดหญิงอีกรายที่ยืนอยู่ใกล้กัน และวิ่งชนตัวเองจนล้มลง จากนั้นท้องก็แข็ง จึงถูกส่งไปรพ.สีชมพู กระทั่งลูกดิ้นและอาการเป็นปกติ แพทย์จึงให้กลับบ้าน ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  เพียงแค่พักผ่อนเพื่อลอดลูกในสิ้นเดือนนี้

     ขณะที่ นางสาวนันทิตา รักษาชาติ นายสัตว์แพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8(ขอนแก่น) กล่าวกับผู้สื่อข่าว ถึงการปฏิบัติตัวของประชาชน เมื่อพบเจอกับหมี ว่า ให้รีบวิ่งหนี หรือส่งเสียงดังให้หมีรู้ตัว ห้ามนอนและแกล้งตาย เพราะจะไม่ปลอดภัย อาจจะถูกหมีทำร้ายได้ ข้อควรปฏิบัติที่เคร่งครัดที่สุดคือ วิ่งหนีให้ไกล ให้หาที่กำบัง ห้ามเผชิญหน้าเด็ดขาด เพราะหมีจะทำร้ายได้

     ส่วนพฤติกรรมของหมีนั้น จะออกหาอาหารกินในช่วงเช้ามืด และช่วงหัวค่ำ เมื่ออิ่มแล้วก็จะหลบซ่อนตัว นอนพักผ่อน จึงขอแนะนำชาวบ้านว่า อย่าเผชิญหน้า และอย่าปะทะหมีเพียงลำพัง ถ้าพบเห็นให้รีบหนีโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกหมีทำร้ายได้ ในขณะที่หมี ถ้าพบเห็นผู้คน หรือสัตว์อื่นก็จะส่งเสียงคำรามขู่ จะไม่ปะทะ และจะหลีกเลี่ยงการปะทะแบบประชิดตัว แต่จะส่งเสียงเพื่อข่มขู่ให้หนีออกห่างจากพื้นที่ ที่หมีอาศัยอยู่ ประชาชนควรอยู่ในที่ปลอดภัย หลีกเลียงการเข้าไปในป่าที่รก และชื้น

     “แต่ถ้าบังเอิญพบเจอหมีแบบคาดไม่ถึงพยายามวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด หรือหากำบังหลบหลังต้นไม้ใหญ่ ซึ่งหากอยู่ใกล้หมีในระยะที่หมีเห็นเรา หรือเรามองเห็น หมีจะมีการส่งเสียงร้องคำราม ซึ่งเป็นการแสดงการเตือนว่าฉันอยู่นี่ ตรงนี้เป็นระยะปลอดภัยของฉัน คนอื่นไม่ควรมาอยู่ใกล้ เพราะหมีก็กลัวคนเหมือนที่คนกลัวหมีเช่นกัน จังหวะนั้นให้รีบวิ่งหนีทันที และในทฤษฎีที่บอกว่าเจอหมีให้แกล้งตายนั้น แนะนำว่าใช้ไม่ได้ถ้าเจอต้องวิ่งให้เร็วที่สุด ย้ำอีกครั้งว่าในทฤษฎีที่บอกว่าเจอหมีให้แกล้งตายนั้น แนะนำว่าใช้ไม่ได้ถ้าเจอต้องวิ่งให้เร็วที่สุด







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS