ชาวขอนแก่นส่วนใหญ่มั่นใจวัคซีนโควิด19
17 เมษายน 64 16:53:58
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 เม.ย.2564 สำนักงานควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่นได้มีการรายงานต่อคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น ว่า รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการพิจารณาอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ให้กับจังหวัดในรอบที่ 2 ตามกลุ่มจังหวัดฟื้นฟูเศรษฐกิจ จำนวนทั้งสิ้น 19,840 โดส โดยจะได้รับการส่งมอบในวันที 20 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งขณะนี้คณะอนุกรรมการพิจารณากลุ่มเป้าหมายให้วัคซีนป้องกันโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาการให้บริการวัคซีนในรอบที่ 2 นี้อย่างละเอียดและรอบคอบ โดยยึดหลักเกณฑ์ตามที่รัฐบาลกำหนดคือครอบคลุม 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก โดยเริ่มการฉีดรอบที่ 2 วันใดนั้นจะมีการประสานงานกันร่วมทุกฝ่ายอีกครั้ง ขณะที่การฉีดวัคซีนในรอบแรก 10,000 โดสนั้นได้มีการฉีดครบในกลุ่มเป้าหมายรอบแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ขณะที่คำสั่งของ ศบค.ในการกำหนดหลักเกณฑ์ให้จังหวัดสีแดงได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดซึ่งขอนแก่น เป็น 1 ในจังหวัดมีแดงคือการ ลดกิจกรรมและการเคลื่อนไหวหลัง 5 ทุ่ม,การลดจำนวนขนส่งสาธารณะ, ร้านให้นั่งทานในร้านได้ 21.00 น. และซื้อกลับบ้านได้ถึง 23.00 น.,ห้างสรรพสินค้าและฟิตเนสปิดในเวลา 21.00 น. ,สถานบริการ ผับ บาร์ ห้ามขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน, ร้านกาแฟ คาเฟ่ ใดๆ เปิดได้ถึง 21.00 น., ร้านสะดวกซื้อใดๆ เปิดได้ถึง 23.00 ,งดงานสังสรรค์ใดๆที่รวมตัวคนจำนวนมาก ยกเว้นในครอบครัวเท่านั้น, การขอความร่วมมือลดการเดินทางด้วยการให่้ทำงานที่บ้านแบบเต็มรูปแบบเท่าที่จะทำได้ ?ซึ่งมติดังกล่าวจะเริ่มใช้ในเวลา 00.01 น. ของวันอาทิตย์ที่ 18 เม.ย.เป็นต้นไปและให้บังคับใช้เบื้องต้น 14 วัน โดยหากมีกรณีฉุกเฉินหรือเหตุพิเศษในพื้นที่ใด ให้เป็นอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆสามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งคณะทำงานจะตรวจเข้มตามวันและเวลาดังกล่าว หากพบการฝ่าฝืนคำสั่งจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเข้มงวดทันที"
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของชาวขอนแก่นเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในเรื่องของวัคซีนโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลดำเนินการฉีดให้กับประชาชน โดยส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นวัคซีนที่จะได้รับ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคส่วนบุคคลดีที่สุด ใส่แมส ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์บ่อยๆ รักษาระยะห่างทางสังคม และมองว่าการแก้ปัญหาในเรื่องไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลทำอยู่นั้นมาถูกทางแต่ทำงานช้า และหากวัคซีนมีผลข้างเคียงหรือเสียชีวิต ทางรัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
