สพป.ขอนแก่น เขต 1 ย้าย "ครูฝน" เอี่ยวสวมสิทธิ์ชาวบ้าน พร้อมตั้งกรรมการสอบเอาผิดวินัย (มีคลิป)
สพป.ขอนแก่น เขต 1 เตรียมสรุปสำนวนการสอบสวน "ครูฝน" ส่ง ศธ. ฟันเอาผิดวินัย หลังพบมีมูลความผิดชัดเจน "ภูมิพัทธ" ย้ำชัดครูต้องมีจรรยาบรรณและเป็นที่ปรึกษาให้กับประชาชนในโครงการของรัฐไม่ใช่มากระทำผิด ขณะที่ "ครูฝน" เข้ารายงานตัวช่วยราชการแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ก.พ.2564 ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 1 หรือ สพป.ขก.เขต 1 นายภูมิพัทธ เรืองแหล่ ผอ.สพป.ขก.เขต 1 ประชุมติดตามความคืบหน้าการสืบสวนข้อเท็จจริงการกระทำความผิดของ นางบุหงา ดวงจันทร์ หรือ "ครูฝน" ครูผู้ช่วยโรงเรียนบ้านโสกแต้ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาในคดีกระทำความผิดเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลตามโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการคนละครึ่ง โดยมี นายบุญเย็น โหว่สงคราม รอง ผอ.สพป.ขก.เขต 1 ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนข้อเท็จจริงเข้ารายงานความคืบหน้าผลการสืบสวนตามขั้นตอนของการดำเนินงานที่ สพป.ขก.เขต 1 กำหนด
นายภูมิพัทธ เรืองแหล่ ผอ.สพป.ขก.เขต 1 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ สพป.ขก.เขต ได้กำหนดกรอบการทำงานที่ชัดเจนและดำเนินการเชิงรุก โดยมีการสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงลงพื้นที่สืบสวนพยานหลักฐาน โดยเริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้การสืบสวนข้อเท็จจริงมีความคืบหน้าไปแล้วมากถึงร้อยละ 80 ซึ่งการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้นั้นได้กำหนดการทำงานไว้ใน 7 วัน ซึ่งในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ สพฟ.ขก.เขต 1 จะสามารถสรุปสำนวนการสืบสวนสอบสวนให้กับศึกษาธิการจังหวัดได้รับทราบ และดำเนินการตามขั้นตอนทางวินัยคือการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดตามระเบียบ
ครูฝน ขณะเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่
“การสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล ตามที่พยานหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งขณะนี้ สพป.ขก.เขต 1 ได้มีคำสั่งให้ครูฝน มาช่วยราชการที่ สพป.ขก.เขต 1 ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา ( 8 ก.พ.) ที่ผ่านมาจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ซึ่งเจ้าตัวได้มารายงานตัวและรับทราบถึงคำสั่งดังกล่าวแล้ว และการทำงานที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้เน้นย้ำคือการทำงานคู่ขนานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จังหวัด กระทรวงการคลังและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเอาผิดผู้ที่กระทำความผิดกับนโยบายของรัฐบาลของรัฐในโครงการดังกล่าวให้ครบทุกคน”
นายภูมิพัทธ กล่าวต่ออีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่าขณะนี้มีผู้กระทำความผิดชัดเจนคือ ครูฝน คืออยู่ในการกำกับควบคุมของ สพป.ขก.เขต 1 ที่ขณะนี้ได้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดแล้ว ขณะเดียวกันยังคงมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโสกแต้ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของครูฝน ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย เพราะในฐานะผู้บังคับบัญชาชั้นต้นต้องรู้ว่าบุคลในการกำกับดูแลมีพฤติกรรมอะไรหรือมีเหตุการณ์ใด เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องใส่ใจและสอบสวนทันที ไม่ควรทำงานล่าช้าเช่นนี้ ดังนั้นหากทางโรงเรียนต้นสังกัดรายงานชี้แจงข้อมูลใดๆมาคณะกรรมการก็จะทำการตรวจสอบสำนวนที่ควบคู่กันอีกด้วย
“ครูฝนนั้นรู้จักกับครูภา หรือ ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ครูในสังกัด สพป.ขก.เขต 5 เนื่องจากรู้จักกันในการทำงานร่วมกัน และครูฝนได้เคยว่าจ้างครูภูผาภูมิ มาทำระบบคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียน และมีการติดต่อกันไปมา จนกระทั่งหลงเชื่อในเรื่องของการที่ต้องการจะมีรายได้เสริม จนนำมาสู่การกระทำความผิดโครงการของรัฐบาลดังกล่าว โดยขณะนี้จากการตรวจสอบในพื้นที่ยังคงยืนยันว่ามีข้าราชการครูที่กระทำการตามพฤติกรรมดังกล่าวเพียงคนเดียว ซึ่งนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะนโยบายเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่งเป็นโยบายที่สำคัญที่รัฐบาลกำหนดเป็นมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาสถานการณ์โควิด-19 ครู ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเป็นที่ปรึกษาและแนะนำประชาชนในพื้นที่ไม่ใช่มากระทำความผิดเสียงเองในลักษณะเช่นนี้ จรรยาบรรณของความเป็นครู กับปัญหาส่วนตัวหรือปัญหาหนี้สินต้องแยกออกจากกันดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น สพป.ขก.เขต 1 จะทำหน้าที่คู่ขนานกับทุกหน่วยงานเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานขอรับตัวครูฝน ไปดำเนินคดี สพป.ขก.เขต 1 ก็พร้อมที่จะส่งตัวใหกับเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอนของกฎหมายทันที”