สิ้น'หลวงปู่บุญเพ็ง'พระนักปฏิบัติขอนแก่น ละสังขารสิริอายุ89ปี   


18 ธันวาคม 60 09:08:48

สิ้น"หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก" อายุ 89 ปี 68 พรรษา  พระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของเมืองขอนแก่น ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระที่เคร่งครัดระเบียบวินัย ใส่ใจปฏิบัติกัมมัฏฐาน ผู้ก่อสร้างศูนย์มะเร็ง รพ.ขอนแก่น
 
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ในโลกออนไลน์ได้แชร์ข้อความ ว่า สิ้นร่มโพธิ์ธรรมแห่งเมืองขอนแก่น พระครูวิเวกวัฒนาทร หรือ องค์หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ได้ละสังขารอย่างสงบแล้วในวันที่ 17 ธ.ค. เวลา 15.39 น. สิริอายุ 89 ปี 68 พรรษา ณ วัดป่าวิเวกธรรม ถ.ศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น กรรมอันใดอันลูกหลานได้ประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินองค์หลวงปู่ ด้วยกาย วาจา ใจ ลูกหลานขอกราบขอขมาองค์หลวงปู่ ด้วยเทอญนอกจากนี้ได้เผยแพร่กำหนดการสรงน้ำสรีระ หลวงปูบุญเพ็ง กัปปโก ในวันที่ 18 ธ.ค. เวลา 15.00 น. ณ วัดป่าวิเวกธรรม
 

 
นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกธรรมได้ดำเนินโครงการสร้าง “อาคารรังสีรักษา หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก” โรงพยาบาลขอนแก่นซึ่งอยู่ ถ.ศรีจันทร์ ใกล้กับ รพ.ขอนแก่น และวัดป่าวิเวกธรรม เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที 
 
 
  สืบเนื่องจากโรงพยาบาลขอนแก่นเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิให้บริการผู้ป่วยมะเร็งทั้งในจังหวัดขอนแก่นและส่งต่อจากจังหวัดในเครือข่ายครอบคลุมทุกสาขาหลัก เช่น มะเร็งทางอายุรกรรม   ศัลยกรรม กุมารเวชกรรม สูติ - นรีเวชกรรม เป็นต้น ให้การรักษาทั้งผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และการฉายแสงรักษา (รังสีรักษา) ในปัจจุบันผู้ป่วยที่รับการรักษาฉายแสง ต้องไปรับบริการที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จากสถิติในปี 2553 มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น จำนวน 3,145 ราย และในปี 2554 จำนวนกว่า 2,400  ราย รวมผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมดที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลขอนแก่น ในปี 2554 จำนวน 10,740 ราย   ซึ่งการไปรับบริการที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ต้องมีการส่งนัดคิวก่อน ระยะเวลาในการรอรับการฉายแสงเป็นเวลานาน 20 – 150 วัน ทำให้ไม่เป็นไปตามแผนการรักษาตามมาตรฐานและหากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ไม่สามารถให้บริการได้ต้องส่งรักษาต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอุบลราชธานีแทน ซึ่งทำให้ผู้ป่วยและญาติเกิดความไม่สะดวก และมีค่าใช้จ่ายสูง
 
จากปัญหาดังกล่าว และความต้องการที่จะบรรเทา เบาคลายความเจ็บปวดของผู้ป่วยมะเร็ง  โรงพยาบาลขอนแก่นจึงหาหนทางที่จะจัดตั้งหน่วยรังสีรักษาขึ้นเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที  เมื่อ สปสช. รับทราบปัญหา และปรารภจะให้เงินเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์   แต่โรงพยาบาลจะต้องจัดหาอาคารสถานที่เองกรรมการบริหารโรงพยาบาลขอนแก่น จึงขอพึ่งบารมี หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกธรรม อำเภอเมืองขอนแก่น  หลวงปู่ปรารภบริจาคทุนเบื้องต้น ในการก่อสร้างอาคารรังสีรักษา (อาคารหลวงปู่ บุญเพ็ง กัปปโก) 
 
  โดยมีพื้นที่ใช้สอย 6,509 ตารางเมตร ออกแบบโดยกองแบบแผน กระทรวงสาธารณสุข ก่อสร้างด้วยเงินบริจาคของพี่น้องประชาชน จำนวน 136,060,000 บาท เป็นศูนย์มะเร็ง รพ.ขอนแก่น ให้บริการผู้ป่วยมะเร็งแบบครบวงจร 
 
ประวัติหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก โดยสังเขป หลวงปู่บุญเพ็ง พระนักปฏิบัติ ผู้มีศีลาจารวัตรที่งดงาม เป็นเนื้อนาบุญของชาวพุทธ ที่ควรแก่การสักการบูชา มีนามก่อนอุปสมบทว่า บุญเพ็ง เหล่าหงษา กำเนิดจากโยมบิดาคือนายเอี่ยม โยมมารดาคือนางคง ในวันมาฆบูชา ปีมะโรง จ.ศ.1290 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2471 ที่บ้านบัวบาน ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีพี่น้องร่วมท้อง 7 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 2 คน 
 
 
มีโอกาสศึกษาถึงชั้นประถมปีที่ 4 กระทั่งมีอายุได้ 21 ปี หลวงปู่บญเพ็งอุปสมบทในวันที่ 3 พฤษภาคม 2492 ที่วัดศรีจันทร์(ธรรมยุต) จ.ขอนแก่น โดยมี พระพิศาลสารคุณ เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูคัมภีรนิเทศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุพจน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายา "กัปปโก" ซึ่งแปลว่า "ผู้สำเร็จ" ระหว่างนั้นหลวงปู่ได้เดินทางไปธุดงค์ตามสถานที่ต่าง ๆ โดยไปทางโคราช และอรัญญประเทศ จนกระทั่งข้ามไปยังประเทศกัมพูชา  ระหว่างทางท่านก็ได้ผจญกับสัตว์ร้ายและโรคภัยสารพัด และยังได้มีโอกาสช่วยเหลือรักษาโรคภัยให้แก่ชาวบ้าน
 
จนกระทั่ง ปีพุทธศักราช 2502 หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางมายังจังหวัดขอนแก่นและแวะเยี่ยมพระครูศีลสารวิมล หลวงพ่อจึงได้มีโอกาสฟังธรรมจากหลวงปู่สิม เป็นเหตุให้ท่านมีโอกาสเข้าใจในเรื่องการภาวนาที่ลึกซึ้งมากขึ้น และหลวงปู่สิมได้ชวนหลวงพ่อให้ไปอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน หลังจากหลวงปู่สิมเดินทางกลับไปแล้ว หลวงปูจึงตัดสินใจเดินทางติดตามไปโดยลำพัง  จึงได้รับการฝึกหัดอบรมกรรมฐานจากหลวงปู่สิม 
 
หลวงปู่ท่านเล่าว่าท่านสร้างกุฏิหลังแรกด้วยองค์ท่านเอง และต่อมาท่านได้ดำเนินการสร้างศาลาขันตยาคมานุสรณ์เพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศล และปฏิบัติธรรม ซึ่งได้ใช้มาจนปัจจุบัน นอกจากนี้ท่านยังได้รวบรวมปัจจัยก่อสร้างอุโบสถขนาดเล็กเพียงพอต่อการใช้เป็นที่ประกอบพิธีสงฆ์ตามแบบสิมอีสานโบราณ นอกจากนั้นท่านสร้างรั้ววัดและอื่น ๆ อีกมาก จนอาจกล่าวได้ว่าสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่ปรากฏที่วัดป่าวิเวกธรรมในปัจจุบันสำเร็จได้ด้วยบารมีของหลวงปู่ท่าน.








เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS