เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 มิ.ย. ณ ห้องประชุมกวี จุติกุล คณะเกษตรศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้มี  ผศ.ดร.ไกรเลิศ ทวีกุล อาจารย์ภาควิชาส่งเสริมการเกษตร คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดอบรมเกษตรกรและผู้สนใจ เรื่อง ธุรกิจข่าเหลือง ตลาด แปรรูป และระบบน้ำโซลาร์เซลล์ โดยมีวิทยากร คือ นายชัยยุทธ์  ไชยรัตน์ ผู้จัดการและฝ่ายหาผลิต Tops นางรัมภามาศ ฑีฆธนานนท์ ผู้จัดการตลาดศรีเมืองทอง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีเกษตรกรเข้าร่วมการอบรม 200 คน   

ผศ.ดร.ไกรเลิศ ทวีกุล กล่าวว่า  "ข่า" เป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดที่คนไทยนำมาใช้ประโยชน์ ทั้งเป็นเครื่องเทศปรุงแต่งกลิ่นและรสอาหาร เป็นส่วนประกอบเครื่องยาสมุนไพร ที่มีสรรพคุณขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ เป็นวัตถุดิบหลักในเครื่องแกงหลากชนิดที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงหนุนเกษตรกรปลูกด้วยมองว่ามูลค่าการตลาดสูง ลงทุนน้อย ใช้พื้นที่นาปลูกได้ช่วงว่างเว้นจากการทำนา 

 

 

ดังนั้นได้ขับเคลื่อนการปลูกข่าเหลืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ โดยมีศูนย์กลางการตลาดที่ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 3 ปีกว่าๆ ตั้งแต่มูลค้าการตลาด 53.4 ล้านบาทต่อปี จนเป็น 300 ล้านบาท ในปี 2560 ด้วยการขับเคลื่อนที่เป็นระบบ มีเครือข่าย มีสมาชิก มีการควบคุมพื้นที่ปลูก มีการผลิตตามคำแนะนำ ทำให้เกษตรกรที่ผลิตได้ตามคุณภาพตามตลาดต้องการ มีรายได้ที่ดีและแน่นอน

 

 

ในส่วน น.ส.นครินทร์ ถาวรพันธ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 5 ต.นาเพียง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น บอกว่า อดีตตนเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานแห่งหนึ่งใน กทม.  เป็นคนหนึ่งที่สนใจข่าเหลือง ด้วยความที่พืชชนิดนี้เป็นพืชที่ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมากมาย จึงได้ปลูกข่าเหลืองในเนื้อที่ 6 ไร่ เมื่อข่าเหลืองตกเกรดจึงคิดแปรรูปด้วยการสร้างมูลค่าให้กับข่าเหลือง เมื่อคณะเกษตรศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้แนะนำให้ให้นำข่าเหลืองมาทำสบู่ พร้อมนำสารสกัดจากข่าเหลืองออกมาทำสเปร์ยดับกลิ่นคาว ได้ดำเนินการมา 2 ปี ได้รับการตอบรับดีมากเพราะมีคนส่วนมากสนใจสั่งออเดอร์มาตลอด เพราะคนได้นำไปใช้พบว่ามีคุณภาพกำจัดโรคผิวหนัง เช่น กลาดเกลื้อน ผดผื่นคัน น้ำกัดเท้า ลดการอักเสบของผิว  นอกจากนี้ข่าเหลืองข่าที่อร่อย สีเหลืองสวย เมื่อทำเครื่องแกงก็จะได้สีสวย กลิ่นแรง หอม ไม่มีเสี้ยน จึงทำให้ข่าเหลืองเป็นที่นิยมของผู้บริโภคโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ ตลาดมีความต้องการสูงและสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าข่าชนิดอื่น.

 

ผศ.ดร.ไกรเลิศ ทวีกุล อาจารย์ภาควิชาส่งเสริมการเกษตร คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น