"หวั่นเสียต้นไม้10แผ่นดิน" ชาวบ้านเสริมตลิ่งริมน้ำชีที่ทรุด
ชาวบ้านจับมือภาคเอกชน เร่งเสริมคันตลิ่งแม่น้ำชีหลังระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้นยางนา 10 แผ่นดิน อายุกว่า 300 ปี ที่ถูกน้ำเซาะทุกชั่วโมง ชาวบ้านหวั่นรุกขมรดกของแผ่นดินจะล่มหายไป
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ก.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านกุดหล่ม ต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่ได้ร่วมกันเร่งเสริมแนวตลิ่งที่ถูกกระแสน้ำจากแม่น้ำชีกัดเซาะ หลังระดับน้ำในแม่น้ำชีได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นมังคุดที่พาดผ่านประเทศไทยในระยะนี้ ส่งผลให้พื้นที่ อ.ชนบท ที่เป็นจุดแรกของการรับน้ำในแม่น้ำชีจาก จ.ชัยภูมิที่ขณะนี้กระแสน้ำเริ่มเชี่ยวกราด กัดเซาะริมตลิ่งบ้านเรือนของประชาชนและพื้นที่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง โยชาวบ้านได้ช่วยกันนำไม้ยูคาลิปตันมาทำแนวพนังกั้นน้ำ รวมทั้งการนำก้อนหินขนาดใหญ่ทำเป็นพนังเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับแนวคันดิน นอกจากนี้ภาคธุรกิจเอกชนยังคงมีการนำถุงบิ๊กแบ็ครวมกว่า 200 ถุงมามอบให้กับชาวบ้านเพื่อเสริมแนวตลิ่งไม่ให้ถูกกระแสน้ำกัดเซาะมากไปกว่านี้ เนื่องจากที่ บ.กุดหล่มแห่งนี้นั้นเป็นที่ตั้งของต้นยางนา ที่มีอายุกว่า 300 ปี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าต้นยางนา 10 แผ่นดิน ที่จัดเป็นรุกขมรดกแผ่นดินที่ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำกัดเซาะอย่างต่อเนื่องทุกวัน
โดยชาวบ้านได้ช่วยกันยืนต่อแถวเพื่อลำเลียงหินขนาดใหญ่หย่อนลงไปในแม่น้ำชีตามแนวคันกั้นน้ำที่ชาวบ้านได้จัดทำขึ้นมาใหม่เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับตลิ่งของแม่น้ำชี โดยในช่วงของการเร่งดำเนินการอยู่นั้นได้เกิดเหตุชาวบ้านเป็นลมขึ้น เนื่องจากต่างพากันทำงานแข่งกับเวลาเพราะระดับสูงขึ้นตลอดเวลา จากอิทธิพลของพายุฝนในระยะนี้ โดยที่ อบจ.ขอนแก่น ได้ส่งรถแบ็กโฮและรถบรรทุกมาประจำการเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ชาวชุมชนได้มีการติดตั้งเต๊นท์ไว้ที่บริเวณหน้าวัดเกษมคงคารามที่เป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำชีที่กัดเซาะริมตลิ่ง เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง
นายวันดี ศรีพุทธา อายุ 62 สมาชิก อบต.ศรีบุญเรือง ต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น กล่าวว่า บ้านกุดหล่ม มีทั้งหมด 129 หลังคาเรือน โดยในปี 2556 ได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับการทำพนังกั้นน้ำแล้ว 350 เมตรแต่ก็ไม่เพียงพอ เนื่องจากพื้นที่ชุมชนแห่งนี้เป็นจุดที่แม่น้ำชีแคบ ซึ่งในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำหลาก กระแสน้ำจะเชี่ยวกราดกัดเซาะริมตลิ่ง จนทำให้บ้านเรือนของประชาชนและพื้นที่โดยรวมของชุมชนได้รับผลกระทบ และในปีนี้ที่ขณะนี้กระแสน้ำนั้นเริ่มกัดเซาะพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ระยะทางกว่า 600 เมตร ลุกลามมาถึงจุดที่ตั้งของต้นยางนา 10 แผ่นดิน รุกขมรดกของชาติ ใต้ร่มพระบารมี ซึ่งหากปล่อยไว้ในลักษณะเช่นนี้โดยที่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ไขสถานการณ์หรือวางแผนรับมือ นอกจากจะส่งผลต่อตลิ่งทรุดลงแล้ว สิ่งสำคัญของชาติก็จะถูกน้ำพัดล้มหายไปด้วย จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบได้เข้ามาตรวจสอบและร่วมอนุรักษ์มรดกของชาติที่ขอนแก่นแห่งนี้
“ชาวบ้านได้ประสานงานไปยังภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น จำกัด ในการแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นว่าชาวบ้านนั้นเดือดร้อนเพียงใด และเราจะหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อย่างไร เพราะนอกจากตลิ่งจะทรุดจากกระแสน้ำที่กัดเซาะอย่างต่อเนื่องทุกวันแล้ว ยังคงมีสมบัติของชาติ คืนต้นยางนา ที่มีอายุกว่า 300 ปี ที่จัดเป็นรุกมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าต้นยางนา 10 แผ่นดินได้รับผลกระทบด้วย จนได้ข้อสรุปในการร่วมไม้ร่วมมือกันของคนในชุมชนและภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นหอการค้าจังหวัด,อบจ.ขอนแก่น,สภาอุตสาหกรรมจังหวัด,สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด,เครือข่ายภาคประชาชนต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น และอีกหลายหน่วยงาน ที่ร่วมกันลงขันคนละเล็กละน้อย รวมทั้งภาคเอกชนได้เข้ามาให้การช่วยเหลือสนับสนุนทั้งกำลังแรง ทุทรัพย์ และสิ่งของจนนำมาสู่การร่วมมือกันเร่งเสริมความแข็งแรงให้กับตลิ่งตามแนวเขตแม่น้ำชีในพื้นที่หมู่บ้านของเราในวันนี้”
นายประมวล พิมพ์เสน ประธานศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ต้นยางนา อายุกว่า 300 ปี ต้นนี้เป็นสมบัติของชาติ ที่ทุกคนควรอนุรักษ์และร่วมกันรักษาไว้ ต้นยางนาต้นนี้ วัดเส้นรอบวงได้ 7.70 เมตร สูง 30 เมตร สวยและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ที่ยืนต้นเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำชี จัดเป็นหัวใจหลักของคนชนบทและคนขอนแก่น ซึ่งชาวชุมชนได้ร่วมกันอนุรักษ์ไว้จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังคงมีการพันผ้าหลากสีไว้ที่โคนต้นซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อ ความรักและความผูกพันของชุมชนกับสมบัติของชาติจุดนี้มาอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นการร่วมไม้ร่วมมือกันของคนในชุมชน โดยมีหน่วยงานภาคเอกชน และภาครัฐบางส่วนมาร่วมด้วยช่วยกัน คุณค่าของสมบัติชาติที่กำลังได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาตินั้นจะคงอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป
นายชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ ประธานบริษัท ประชารัฐ รักสามัคคีขอนแก่น จำกัด กล่าวว่า นอกจากการนำต้นยูคาลิปตัส มาทำเป็นพนังกั้นระหว่างแม่น้ำชีกับริมตลิ่ง โดยมีการนำก้อนหินขนาดใหญ่ใส่ลงไปเพิ่มความแข็งแรงแล้ว ยังคงมีการประสานงานไปยัง วิศวกรรมสถาน ในการส่งทีมวิศวกรมาตรวจสอบและวางแผนแก้ไขระยะยาว ซึ่งการเสริมความแข็งแรงด้วยการนำก้อนหินขนาดใหญ่วางลงไปตามแนวไม้ยูคาลิปตัส เฉพาะในจุดที่เป็นต้นยางนา นี้นั้นคาดว่าจะสามารถต้านทานกระแสน้ำในแม่น้ำชีได้เฉพาะปีนี้ ขณะเดียวกันยังคงมีการนำบิ๊กแบค เบื้องต้น 200 ถุง มาเสริมความแข็งแรงตามแนวตลิ่งให้กับชาวบ้านในระยะทางกว่า 600 เมตร อย่างไรก็ดี การแก้ไขปัญหาระยะยาวเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำชีในช่วงน้ำหลากนี้ รวมทั้งการร่วมกันอนุรักษ์มรดกของชาติไว้ให้คงอยู่ต่อไปนั้น ต้องฝากให้รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้อย่างจริงจังอีกครั้ง