ขอนแก่น พ่อแม่น้องฌาดาเหยื่อถูกผนังโรงเรียนถล่มทับร้องเรียน (มีคลิป)   


7 มิถุนายน 62 15:03:37

ครอบครัวน้อง ฌาดา เด็กนักเรียนหญิงวัยเพียง 4 ขวบ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ผนังอาคารโรงเรียนเอกชนพังถล่มทับร่างขณะรอฝนหยุดตก เดินหน้าขอความเป็นธรรมตรวจสอบหาสาเหตุอย่างโปร่งใส พร้อมเปิดแบบแปลนการสร้างอาคารโรงเรียนพบเสาหาย 20 ต้น สร้างไม่ตรงตามแบบ

    เมื่อเวลา  15.00 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2562 ที่ สภ.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น  นายไพศาล สุราสา อายุ 37 ปี พร้อมด้วยนางเสาวรส สุราสา อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา บิดามารดาของ ด.ญ.สุชาดา สุราสา หรือน้อง ฌาดา อายุ 4 ขวบ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ ผนังอาคารภายในโรงเรียนเพ็ญบุรี พังถล่มทับร่างจนเสียชีวิตคาที่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.ประเสริฐ ตุ้มฉิม รองผกก.สอบสวน สภ.บ้านเป็ด พร้อมนายดนัย สุราสา อายุ 40 ปีพี่ชายและ ทนายความ โดยนำต้นฉบับแบบแปลนอาคารโรงเรียนเพ็ญบุรี เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย


    นายไพศาล สุราสา พ่อน้องฌาดา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้สภาพจิตใจของตัวเองและภรรยา รวมทั้งคนในครอบครัว ยังไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย จึงต้องเดินทางมาที่ สภ.บ้านเป็ด เพื่อติดตามความคืบหน้าในทางคดี รวมถึงการขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวด้วย ซึ่งการติดตามความคืบหน้าทางคดีนั้น เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ทำงานกันอย่างเต็มที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ยังมีสิ่งที่ครอบครัวคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากว่าในทางคดีนั้น ตำรวจซึ่งทำหน้าที่พนักงานสอบสวน ต้องรวบรวมข้อมูล หลักฐานที่เกี่ยวข้องจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆให้ครบถ้วน และมีการประสานผู้เชี่ยวชาญมาร่วมตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุ  โดยเมื่อวันที่  17  พ.ค.ที่ผ่านมา ตนเองและครอบครัวได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอความช่วยเหลือ ในการที่ตัวเองในฐานะผู้เสียหาย จะขอนำบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการก่อสร้าง และทนายความเข้าร่วมตรวจสอบอาคารโรงเรียนเพ็ญบุรีพร้อมผู้เชี่ยวชาญคณะอื่นๆในวันที่ 20 พ.ค.ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก็ได้มีการประสานงานกับตำรวจและทางโรงเรียนให้เป็นอย่างดีว่ามีใครบ้าง โดยสรุปมีทั้งฝ่ายตัวเองที่เป็นผู้เสียหาย ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายโรงเรียน จะเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุในโรงเรียนพร้อมกัน แต่ถึงเวลาจริงๆ ทางโรงเรียนไม่ให้ทนายความและผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตนเองเข้าไป มีเพียงตนเองกับภรรยาและฝ่ายโรงเรียนและผู้เชี่ยวชาญที่มาจากส่วนกลาง ซึ่งการตรวจก็ไม่มีการเอาแบบแปลนมาเปรียบเทียบ ไม่มีการเอาเครื่องมือมาตรวจ ซึ่งเป็นการตรวจเพียงสายตาเท่านั้น โดยส่วนตัว ตนเองและครอบครัวเห็นว่า ไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม

 
   เมื่อออกจากโรงเรียนจึงรีบทำหนังสือคัดค้านการตรวจสอบอาคารโรงเรียนเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ทันที โดยส่งหนังสือคัดค้านจำนวน 4 ชุด ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น, ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านเป็ด เพื่อขอตรวจอาคารที่เกิดเหตุอีกครั้ง และขอยืนยันว่าต้องมีการตรวจสอบใหม่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ชัดเจน โดยต้องมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายฝ่ายตนเองที่เป็นผู้เสียหาย ผู้เชี่ยวชาญจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญจากทางฝ่ายโรงเรียน ให้มีการเข้าตรวจสอบพร้อมกัน  จะได้รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ลูกสาววัย 4 ขวบตายนั้น เกิดจากความประมาทของวิศวกรผู้คุมการก่อสร้างหรือเป็นอุบัติเหตุ และถ้าเป็นอุบัติเหตุ เกิดจากอะไร เชื่อว่า วิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากทั้ง 3 ฝ่ายน่าจะมีคำตอบได้ เพราะการตรวจสอบนั้น ตรวจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อเป็นมาตรฐานว่าการก่อสร้างอาคารเรียนหรืออาคารใดก็ตามที่มีการใช้พื้นที่ร่วมกันนั้นผู้ก่อสร้างต้องสร้างให้มีมาตรฐาน เมื่อมีมาตรฐานก็จะเกิดประโยชน์แก่สังคม แก่ผู้สร้างเอง ที่สำคัญไม่เกิดเหตุร้ายดังที่นำมาสู่การสูญเสียแหมือนครอบครัวของตนเองอีก

    ทางด้านนายดนัย สุราสา อายุ 40 ปีพี่ชายของนายไพศาลและเป็นลุงของน้องฌาดา ซึ่งเป็นสถาปนิก มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการก่อสร้างและออกแบบอาคารมากว่า 15 ปี นำแบบแปลนมากางให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมอธิบายให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยว่า หลังจากทราบว่ามีการตรวจอาคารที่เกิดเหตุแล้ว และมีการซ่อมแซมไปแล้ว ซึ่งการตรวจที่ผ่านมา ทราบจากน้องชายว่า ตรวจตาเปล่า ไม่มีการนำเอาแปลนก่อสร้าง และไม่มีเครื่องมือไปตรวจสอบด้วย ในฐานะที่ตัวเองเป็นลุงของคนตาย และเป็นวิศวกรที่มีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างมากว่า 15 ปี จึงมานั่งดูแบบแปลนการก่อสร้างอาคารของโรงเรียนดังกล่าว เปรียบเทียบกับภาพถ่ายในจุดที่เกิดเหตุ พบว่า สร้างไม่ตรงตามแบบ เพราะบริเวณห้องโถงทั้งซ้ายและขวานั้น ตามแบบต้องมีเสาตรงกลางด้านละ 7 ต้น แต่จากภาพถ่ายที่เกิดเหตุไม่มีเสา และเป็นห้องโถงโล่ง ส่วนจุดที่ผนังหล่นลงมาทับร่างหลานสาวจนตายคาที่นั้น ตามแบบต้องมีเสาค้ำกับคานเหล็กโครงหลังคา จำนวน 3 ต้น  ผนังอีกด้านก็ต้องมีเสา แต่ไม่มีอีกเช่นกัน 

    เท่ากับว่า อาคารที่เกิดเหตุเสาหายไปจำนวน 20 ต้น กลายเป็นผนังอิฐมวลเบา และกระจกใสแทน   สิ่งที่พูดคือพูดจากการดูแบบแปลนของอาคารที่เกิดเหตุ เปรียบเทียบกับภาพถ่ายที่เกิดเหตุ ฉะนั้นเพื่อความชัดเจน โรงเรียนต้องอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญจากทุกๆฝ่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจอาคารที่เกิดเหตุพร้อมกันอีกครั้ง  เพราะสิ่งที่พบจากแปลนก่อสร้างนั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะอาคารดังกล่าวเป็นสถานศึกษาที่มีผู้เข้ามาใช้พื้นที่ทั้งครู และนักเรียนผู้ปกครอง หากไม่มีมาตรฐานก็อาจจะเกิดเหตุร้ายแรงกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้ ซึ่งเมื่อดูแปลนการสร้างอาคารแล้ว พบสิ่งที่น่าสงสัยหลายๆจุด จึงเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ข้อมูล เบาะแสที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีที่หลานสาวเสียชีวิต และอีกฝั่งที่เสาหายก็ไม่รู้ว่าจะพังถล่มลงมาอีกเมื่อไหร่ด้วยเช่นกัน
 
    ทางด้าน พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.สภ.บ้านเป็ด เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ในคดีของ ด.ญ.สุชาดา สุราสา หรือน้อง ฌาดา อายุ 4 ขวบ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ ผนังอาคารภายในโรงเรียนเพ็ญบุรีถล่มทับจนเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งมีการตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา  อยู่ระหว่างที่พนักงานสอบสวนรอผลสรุปเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางผู้เชี่ยวชาญ  ขณะเดียวกันฝ่ายพ่อ แม่ของผู้เสียชีวิตก็มาร้องขอ ขอตรวจสอบพร้อมผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกัน  ในทางคดีนั้นขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเป็นกับทุกฝ่าย

 


นายดนัย สุราสา สถาปนิก เป็นพี่ชายของนายไพศาลและลุงของน้องฌาดา







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS