ขอนแก่น หนุ่มต่างชาติ กร่างชนท้าย-ทำร้ายผู้หญิงที่ริมบึงหนองโคตร ยอมจ่ายค่าเสียหายจบด้วยดี
ความคืบหน้ากรณีชาวต่างชาติขับรถเฟอรารี่ปลอมชนท้ายรถเก๋งสาวขอนแก่น ริมบึงหนองโคตร ซึ่งอยู่ในลักษณะคนเมาพูดจาหยาบคายใส่คู่กรณีพร้อมทำร้ายร่างกาย อ้างว่ารวยที่สุดในขอนแก่นไม่เกรงกลัวกฎหมาย ล่าสุด ครอบครัวชาวต่างชาติรายนี้ยอมจ่ายค่าเสียหายและเยียวยาเป็นเงิน 18,000 บาท ขณะที่คู่กรณีพอใจจบลงด้วยดี
จากกรณีที่ นส.อลิษา โพสคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองบนถนนรอบบึงหนองโคตร พื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น แชร์คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวไปตามเพจต่างๆอย่างแพร่หลาย พร้อมข้อความ เตือนภัยสังคม บุคคลอันตราย ขับรถเฟอรารี่ สีแดง ชนท้ายรถเก๋งตัวเอง และจะทำร้ายร่างกาย กระทั่งมีพลเมืองดีมาช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ดมาควบคุมตัวไป เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 23 กันยายน 2562 และได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ได้มีการเปรียบเทียบปรับ ชาวต่างชาติวัย 47 ปี ในข้อหา ขับรถประมาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเรียกตัวมาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีและรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.สภ.บ้านเป็ด
ล่าสุดเวลา 10.00 น. วันที่ 26 กันยายน 2562 พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.สภ.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการประสานจากครอบครัวของชาวต่างชาติผู้ก่อเหตุแล้ว ว่าพร้อมที่จะจ่ายค่าเสียหายให้คู่กรณี รวมเป็นเงิน 18,000บาท ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ประสานกับทางผู้เสียหายให้ทราบแล้ว และอยู่ระหว่างที่คู่กรณีจะมาลงบันทึกประจำวันในข้อตกลงที่สามารถตกลงกันได้ด้วยดีทั้งสองฝ่าย โดยครอบครัวของผู้ก่อเหตุติดต่อมาว่ายอมชดใช้ค่าเสียหายรวมถึงการเยียวยาคู่กรณี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเพียงคนกลางในการประสานงาน เพราะทั้งหมดอยู่ที่ความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่ในส่วนของข้อหาต่างๆนั้น ก็จะเรียกเจ้าตัวมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฎหมายเช่นเดิม และข้อหาใดที่สามารถเปรียบเทียบปรับในชั้นพนักงานสอบสวนได้ ก็จะมีการปรับไปตามระเรียบของกฎหมาย
ในขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง น.ส.อลิษา ซึ่งเป็นคู่กรณีของชาวต่างชาติ ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งรายละเอียดต่างๆที่ได้ดำเนินการกับคู่กรณีไปให้ทราบหมดแล้ว ซึ่งก็พอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอยุติเรื่องดังกล่าวไว้เพียงเท่านี้ เพราะไม่อยากเป็นข่าวอีก
