ขอนแก่น ย้อนรอยคดี "เปรี้ยว" ฆ่าหั่นศพน้องแอ๋มเมื่อปี 60 (มีคลิป)
หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก เปรี้ยวและพวก ตลอดชีวิตแต่สารภาพ ลดโทษให้ 1 ในสาม เหลือจำคุก 34 ปี 6 เดือน ส่วนวศิน จำเลยที่ 4 ศาลเพิ่มโทษ จากเป็นผู้สนับสนุนฆ่า เป็นร่วมกันฆ่า ให้จำคุกตลอดชีวิตแต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 จาก 23 ปี 4 เดือน เป็น 34 ปี 6 เดือน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 30 ก.ย.2562 นายนพดล สีดาทัน ทนายโจทน์ร่วม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ศาลจังหวัดขอนแก่น มีคำสั่งเบิกตัวจำเลยที่ 4 คือนายวศิน นามพรม จากเรือนจำกลางขอนแก่น เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีฆ่าน้องแอ๋ม หรือ นางสาววริสรา กลิ่นจุ้ย ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2561 นายวศิน หรือ นิว นามพรม จำเลยที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนในการฆ่าผู้อื่น เป็นเวลา 33 ปี 4 เดือน คำให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน และฐานร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้นทำลายศพ ให้จำคุก 4 เดือน รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำคุก 2 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 4 ทั้งสิ้น 23 ปี 4 เดือน 20 วัน
ส่วนจำเลยที่ 1 น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว โนนวังชัย และจำเลยที่ 2 น.ส.กวิตา หรือ เอิน ราชดา และจำเลยที่ 5 น.ส.อภิวันท์ หรือ แจ้ สัตยบัณฑิต ซึ่งถูกขังที่เรือนจำคลองไผ่ และศาลได้อ่านคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดสีคิ้วไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา โดยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เปรี้ยว, เอิร์น, แจ้ จำคุกตลอดชีวิต แต่ผู้ต้องหาสารภาพ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษ เปรี้ยว, เอิร์น จำคุก 34 ปี 6 เดือน, แจ้ จำคุก 33 ปี 9 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 3 นางสาวเบนซ์ หรือนางสาวจิดารัตน์ พรมคุณ จำคุก 2 ปี รับสารภาพคงเหลือจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ซึ่งขณะนี้เบนซ์พ้นโทษแล้ว
นายนพดล กล่าวอีกว่า สำหรับการยื่นอุทธรณ์นั้น ทางโจทก์และโจทก์ร่วม รวมทั้งอัยการ ต่างก็จะยื่นอุทธรณ์ให้เข้ามาตรา 289 ในเรื่องของการไตร่ตรองไว้ก่อน และยื่นอุทธรณ์เพิ่ม ในประเด็นที่ วศิน ไม่ใช่ผู้สนับสนุน แต่เป็นตัวการร่วมฆ่าน้องแอ๋ม ซึ่งในวันนี้ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาว่า อุทธรณ์ของโจทก์และอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมฟังขึ้นให้เพิ่มโทษ จำเลยที่ 4 คือนายวศิน จากเดิมที่ลงโทษ ในฐานะผู้สนับสนุนแก้ไขเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดโดยลงโทษจำคุก 34 ปี 6 เดือน เท่ากับเปรี้ยวจำเลยที่ 1 และเอิร์นจำเลยที่ 2 เอิร์น ส่วนจำเลยที่ 5 แจ้ ลงโทษจำคุก 33 ปี 9 เดือน
ศาลให้เหตุผลในการเพิ่มโทษวศินใช้เหตุผลว่า จากการที่ทางโจทก์และโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ว่าในการที่ฆ่าน้องแอ๋มครั้งนี้ เป็นขั้นตอนมีการแบ่งหน้าที่กันเป็นขั้นตอนโดยนายวศิน จำเลยที่ 4 เป็นผู้ขับรถ ถ้าไม่มีผู้ขับรถและไม่ได้ร่วมในการกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในรถ น้องแอ๋มก็จะไม่ถูกฆ่า ก็ถือว่านายวศิน เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ขับรถพาไปสถานที่ต่างๆ และที่ศาลไม่รับฟังอุทธรณ์ของจำเลยเพราะ ไม่มีใครห้ามใคร ในระหว่างที่หาซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับการฆ่า สรุปว่าไม่มีการโต้แย้งกันในการเสียชีวิต โดยน.ส.เปรี้ยว จำเลยที่ 1 เปรี้ยว ลงไปซื้ออุปกรณ์ คือถุงดำที่สำคัญกับการฆ่าปรากฏว่าคนในรถอีก 3 คนไม่มีใครห้าม
ทางฝั่งของโจทก์ร่วมยังติดใจอยู่ว่า ในระหว่างที่ลงไปซื้ออุปกรณ์ เพื่อขึ้นมามัด ไม่มีอากาศหายใจในระหว่างนี้ จะเป็นการไตร่ตรอง เพราะว่ามีเวลาในการยับยั้งชั่งใจ จึงติดใจในประเด็นว่า ลงไปซื้ออุปกรณ์เพื่อการฆ่า ถุงดำก็คือขาดอากาศหายใจคล้ายๆเหมือนกับซื้อมีดซื้อปืน สำหรับโทษที่เพิ่มขึ้นของวศิน เกินกำหนด โทษที่เรือนจำจังหวัดจะขังได้ก็ต้องลงไปที่เรือนจำส่วนกลาง
ในส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้นยืนตามเดิม ตามที่ศาลชั้นต้นได้สั่งให้จำเลยที่ 1และ2 และ 4 และ5 จ่ายค่าสินไหมให้ทางครอบครัวผู้ตาย จำนวน 1,070,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งได้ชำระมาแล้ว 50,000 บาท คงเหลือ 1,020,000บาท ส่วนจำเลยที่3 คือ นางสาวเบนซ์ หรือนางสาวจิดารัตน์ พรมคุณนั้น ติดคุกในข้อหาเดียวคือรับของโจร ซึ่งจำเลยที่ 3 จะไม่ได้จ่ายค่าเสียหาย ซึ่งสถานะของเบนซ์ตอนนี้จบไปแล้ว วันนี้จำเลยทั้ง 4 ได้อุทธรณ์ว่าเป็นการทำร้ายร่างกายและทำให้ตายซึ่งการตายเกิดจากการทำร้ายร่างกาย ไม่ได้มีการเจตนาฆ่า ศาลใช้คำว่าคำอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นซึ่งทั้ง 4 คนมีสิทธิ์ที่จะฎีกาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีดังกล่าวนั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาสวนกวางรับแจ้งชาวบ้านพบชิ้นส่วนหญิงสาวถูกหั่นเป็นสองท่อน บรรจุในถังพลาสติกสีดำและห่อด้วยด้วยถุงดำ บริเวณป่าละเมาะ ในบ้านโนนสง่า ม.9 ตำบลคำม่วง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ ทราบชื่อว่า นางสาวนริสรา กลิ่นจุ้ย อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 10 บ้านเหล่านางาม ต.บ้านหว้า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นพนักงานอยู่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในเมืองขอนแก่น ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลของผู้ตาย จึงทำการสืบสวนมูลเหตุการณ์ถูกฆ่าและบุคคลที่ร่วมลงมือฆ่าน้องแอ๋มในครั้งนี้ ซึ่งมีเบาะแสจากคนใกล้ชิดของผู้ตายว่า ก่อนถูกฆ่านั้นผู้ตายถูกกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วยกันคือ น.ส.เปรี้ยว น.ส. เอิร์น และน.ส. แจ้ พร้อมเพื่อนชายอีกคน ที่ทำหน้าที่ขับรถ ยี่ห้อฮอนด้าซีอาร์วี สีเทา รับผู้ตายที่ปากซอยทางเข้าหอพัก จากนั้นก็ตระเวนไปทั่วเมืองขอนแก่น ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพวินาทีที่รับผู้ตายขึ้นรถเป็นหลักฐาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจเช็ครถคันดังกล่าวทราบว่าเป็นรถที่เช่ามาจากบริษัทรถเช่าในเมืองขอนแก่น ซึ่งผู้เช่าคือเพื่อนผู้ตาย หลังก่อเหตุ ผู้ที่นั่งในรถคันดังกล่าว หายหน้าออกจากพื้นที่ ในขณะเดียวกันเพื่อนสนิทของผู้ตายยังให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า โทรศัพท์มือถือของผู้ตายหายไปหลังจากเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับกับบุคคลทั้ง 4 คนที่หายตัวไป พบว่ามีความเคลื่อนไหวที่คอนโดที่พักของน.ส.เบนซ์ และมีการขายโทรศัพท์มือถือที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสทั้งหมด จึงสอบสวนคนใกล้ชิดและเพื่อนในที่ทำงานของผู้ตาย จนทราบว่า การตายของน้องแอ๋มน่าจะมาจากความบาดหมางระหว่างคนตายกับนางสาวเปรี้ยวกรณีที่แฟนของน.ส.เปรี้ยวถูกจับคดียาเสพติด ทำให้ น.ส.เปรี้ยวเข้าใจว่าคนตายแจ้งตำรวจจับแฟนตัวเอง จนเกิดความความบาดหมาง คนตายไม่เข้าที่ทำงาน เพราะกลัวจะถูกทำร้าย กระทั่งมาพบกลายเป็นศพในป่าละเมาะในพื้นที่ อ.เขาสวนกวางดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนางสาวเบนซ์ได้และให้การว่าเคยคบหากับนายวศิน ก่อนถูกจับกุมนายวศินพร้อมเพื่อนๆรวม 4 คนไปหาที่คอนโด และให้พาไปขายโทรศัพท์มือถือ หลังจากขายโทรศัพท์มือถือ แล้วก็แยกย้ายกันโดยนายวศินข้ามไปที่ สปป.ลาว ส่วนอีก 3 คนหนีไปยังประเทศพม่า จากนั้นวันที่ 30 พ.ค.2560 เจ้าหน้าที่ก็จับกุมนายวศินได้เป็นรายที่ 2 โดย ตำรวจบก.สส.ภ.4 ประสานตำรวจ สปป.ลาว เข้าจับกุมนายวศิน นามพรม ผู้ต้องหาในคดีฆ่าหั่นศพ ได้ที่เกสต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งที่ แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ ส่งตัวให้ตำรวจไทยนำตัวกลับมาสอบสวน ซึ่งนายวศินซัดทอดว่า ทั้งหมดเป็นการสั่งการของ น.ส.เปรี้ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับ เพื่อติดตามจับกุมน.ส.เปรี้ยวกับเพื่อนสาวอีก2 คนที่หลบหนีไปยังประเทศพม่า กระทั่งวันที่ 3 มิถุนายน 2560 เจ้าหน้าที่ของเมียนม่า ก็จับนางสาวปรียานุช โนนวังชัย หรือ "เปรี้ยว" อายุ 24 ปี นางสาวกวิตา ราชดา หรือ "เอิร์น" อายุ 25 ปี และนางสาวอภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ "แจ้" อายุ 28 ปีได้ที่ร้านคาราโอเกะในเมืองท่าขี้เหล็กซึ่งเป็นเมืองชายแดนของเมียนมาร์ที่อยู่ติดกับประเทศไทย ส่งตัวให้ทางการไทย นำตัวกลับมาสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังถูกจับตัวครบทั้ง 5 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพนักงานสอบสวนได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ทำแผนประกบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆ และนำตัวส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 10 พ.ค.2561 ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดอ่านคำพิพากษา ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนคดีดำเลขที่ 195760 ระหว่างฝ่ายโจทก์คือพนักงานอัยการ กับฝ่ายจำเลย ซึ่งประกอด้วย น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว จำเลยที่ 1 , น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น จำเลยที่ 2 ,น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือเบนซ์ จำเลยที่ 3 ,นายวศิน นามพรม หรือนิว จำเลยที่ 4 และ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ จำเลยที่
โดยศาลพิพากษาว่า น.ส.เปรี้ยว จำเลยที่ 1 และ น.ส.เอิร์น จำเลยที่ 2 จำคุกรวม 34 ปี 6 เดือน ,จำเลยที่ 3 น.ส.เบนซ์ จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา,จำเลยที่ 4 นายวศิน จำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน และ จำเลยที่ 5 น.ส.แจ้ จำคุก 33 ปี 9 เดือน นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายในคดีแพ่ง โดยมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1-2-4 และ 5 จ่ายค่าปลงศพ 100,000 บาท ค่าอุปการะเลี้ยงดูครอบครัว รวม 1,070,000 บาท โดยให้แบ่งชำระเป็นเดือนละ 5,000 บาท รวม 17 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.2560 ซึ่งเป็นวันก่อเหตุฆาตกรรม น้องแอ๋ม
กระทั่งวันนี้ (29 กันยายน2562) ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในคดีฆ่าหั่นศพน้องแอ๋ม โดยได้เบิกตัวนายวศิน นามพรม จำเลยที่ 4 มาที่ศาล จากนั้นก็มีการอ่านคำพิพากษา ในขณะที่ จำเลยอีก 3 คนคือจำเลยที่ 1 น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว โนนวังชัย และจำเลยที่ 2น.ส.กวิตา หรือ เอิน ราชดา และจำเลยที่ 5น.ส.อภิวันท์ หรือ แจ้ สัตยบัณฑิต ซึ่งถูกขังที่เรือนจำคลองไผ่ และศาลได้อ่านคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดสีคิ้วไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562ที่ผ่านมา ส่วนจำเลยที่ 3 นางสาวเบนซ์ หรือนางสาวจิดารัตน์ พรมคุณ จำคุก 2 ปี รับสารภาพคงเหลือจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ซึ่งขณะนี้เบนซ์พ้นโทษแล้ว
